เคอร์ฟิว คืออะไร ??

 ประเภท : ข่าวประชาสัมพันธ์
เคอร์ฟิว คืออะไร ??
การห้ามออกจากเคหสถานเวลาค่ำคืน หรือ เคอร์ฟิวหมายถึง คำสั่งของรัฐบาลให้ประชาชนกลับเคหสถานก่อนเวลาที่กำหนด อีกนัยหนึ่งคือการห้ามประชาชนออกจากเคหสถานภายในระยะเวลาที่กำหนด (มักเป็นเวลากลางคืน) ซึ่งเป็นการกำหนดขึ้นเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย หรือให้ความสะดวกต่อการปราบปรามกลุ่มเป้าหมาย
อย่างไรก็ดีเนื่องจากการประกาศ "เคอร์ฟิว" มีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของพลเมืองอย่างรุนแรง จึงเป็นมาตรการที่หยิบออกมาใช้ในฐานะตัวเลือกสุดท้าย (The last resort) ทั้งนี้ การคงอยู่ของเคอร์ฟิวก็ควรจะสั้นที่สุดเพื่อให้กระทบต่อเสรีภาพของพลเมืองให้น้อยที่สุด
ประเทศไทยมีกฎหมายพิเศษด้านความมั่นคงให้อำนาจแก่รัฐในการประกาศเคอร์ฟิวอยู่หลายฉบับ เช่น
พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พ.ศ. ๒๔๕๗ ให้อำนาจเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร ห้ามบุคคลออกนอกเคหสถานภายในระหว่างระยะเวลาที่กำหนดตามมาตรา ๑๑(๖)
พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ที่ให้นายกรัฐมนตรีมีอำนาจประกาศห้ามมิให้บุคคลใดออกนอกเคหสถานภายในระยะเวลาที่กำหนด เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือเป็นบุคคลซึ่งได้รับยกเว้น ตามมาตรา ๙(๑)
เคอร์ฟิวในภาวะโรคละบาด กับ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน
จากภาวะการระบาดของโรค COVID-๑๙ ในประเทศไทยที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นมากทุกที ประชาชนก็เกิดการวิตกว่าอาจจะยกระดับมาตรการป้องกันโรคระบาดจนถึงขั้นประกาศเคอร์ฟิว
การประกาศเคอร์ฟิวนั้นในประเทศไทยมีกฎหมายพิเศษอยู่หลายฉบับ แต่สำหรับโรคระบาด COVID-๑๙ ที่เกิดอยู่ในขณะนี้เข้าข่ายในพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ที่สุดหรือที่เรียกสั้นๆ ว่า พ.ร.ก. ฉุกเฉิน
สรุปง่าย ๆ คือ ต้องประกาศพ.ร.ก. ฉุกเฉิน ใช้ก่อนถึงค่อยใช้อำนาจในพ.ร.ก. ประกาศเคอร์ฟิวได้ และการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ นายกฯสามารถประกาศไปก่อนได้ทันที เพื่อให้ทันสถานการณ์ แล้วค่อยนำเข้าขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี หรือจะนำเข้าคณะรัฐมนตรีก่อนเพื่อประกาศออกมาเป็นมติ ครม.ก็ได้
พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ยังให้นายกรัฐมนตรีมีอำนาจดังต่อไปนี้ด้วย
๑.ประกาศให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจจับกุมและควบคุมตัวบุคคลที่สงสัยว่าจะเป็นผู้ร่วมกระทำการให้เกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือเป็นผู้ใช้ ผู้โฆษณา ผู้สนับสนุนการกระทำเช่นว่านั้น หรือปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับการกระทำให้เกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน ทั้งนี้ เท่าที่มีเหตุจำเป็นเพื่อป้องกันมิให้บุคคลนั้นกระทำการหรือร่วมมือกระทำการใด ๆ อันจะทำให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรง หรือเพื่อให้เกิดความร่วมมือในการระงับเหตุการณ์ร้ายแรง
๒. ประกาศให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจออกคำสั่งเรียกให้บุคคลใดมารายงานตัวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่หรือมาให้ถ้อยคำหรือส่งมอบเอกสารหรือหลักฐานใดที่เกี่ยวเนื่องกับสถานการณ์ฉุกเฉิน
๓. ประกาศให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจออกคำสั่งยึดหรืออายัดอาวุธ สินค้า เครื่องอุปโภคบริโภค เคมีภัณฑ์ หรือวัตถุอื่นใด ในกรณีที่มีเหตุอันควรสงสัยว่า ได้ใช้หรือจะใช้สิ่งนั้น เพื่อการกระทำการหรือสนับสนุนการกระทำให้เกิดเหตุสถานการณ์ฉุกเฉิน
๔.ประกาศให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจออกคำสั่งตรวจค้น รื้อ ถอน หรือทำลายซึ่งอาคาร สิ่งปลูกสร้าง หรือสิ่งกีดขวาง ตามความจำเป็นในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อระงับเหตุการณ์ร้ายแรงให้ยุติโดยเร็วและหากปล่อยเนิ่นช้าจะทำให้ไม่อาจระงับเหตุการณ์ได้ทันท่วงที
๕.ประกาศให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจออกคำสั่งตรวจสอบจดหมาย หนังสือ สิ่งพิมพ์ โทรเลข โทรศัพท์ หรือการสื่อสารด้วยวิธีการอื่นใด ตลอดจนการสั่งระงับหรือยับยั้งการติดต่อหรือการสื่อสารใด เพื่อป้องกันหรือระงับเหตุการณ์ร้ายแรง โดยต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยการสอบสวนคดีพิเศษโดยอนุโลม
๖.ประกาศห้ามมิให้กระทำการใด ๆ หรือสั่งให้กระทำการใด ๆ เท่าที่จำเป็นแก่การรักษาความมั่นคงของรัฐ ความปลอดภัยของประเทศ หรือความปลอดภัยของประชาชน
๗.ประกาศให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจออกคำสั่งห้ามมิให้ผู้ใดออกไปนอกราชอาณาจักร เมื่อมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าการออกไปนอกราชอาณาจักรจะเป็นการกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประเทศ
๘.ประกาศให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจสั่งการให้คนต่างด้าวออกไปนอกราชอาณาจักร ในกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าเป็นผู้สนับสนุนการกระทำให้เกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน ทั้งนี้ โดยให้นำกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองมาใช้บังคับโดยอนุโลม
๙.ประกาศให้การซื้อ ขาย ใช้ หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งอาวุธ สินค้า เวชภัณฑ์ เครื่องอุปโภคบริโภค เคมีภัณฑ์ หรือวัสดุอุปกรณ์อย่างหนึ่งอย่างใดซึ่งอาจใช้ในการก่อความไม่สงบหรือก่อการร้ายต้องรายงานหรือได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่หรือปฏิบัติตามเงื่อนไขที่นายกรัฐมนตรีกำหนด
๑๐.ออกคำสั่งให้ใช้กำลังทหารเพื่อช่วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองหรือตำรวจระงับเหตุการณ์ร้ายแรง หรือควบคุมสถานการณ์ให้เกิดความสงบโดยด่วน ทั้งนี้ ในการปฏิบัติหน้าที่ของทหารให้มีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับอำนาจหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชกำหนดนี้ โดยการใช้อำนาจหน้าที่ของฝ่ายทหารจะทำได้ในกรณีใดได้เพียงใดให้เป็นไปตามเงื่อนไขและเงื่อนเวลาที่นายกรัฐมนตรีกำหนด แต่ต้องไม่เกินกว่ากรณีที่มีการใช้กฎอัยการศึก
แต่มาตรการพิเศษเหล่านี้ ไม่ได้เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติทันทีหลังประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ แต่ต้องให้นายกฯประกาศ "ข้อกำหนด" เป็นเรื่องๆ เป็นมาตรการๆ ไป เหมือนกรณีสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ประกาศใช้ทั้งกฎอัยการศึก และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ แต่ไม่เคยประกาศ "เคอร์ฟิว" มีแค่ขอความร่วมมือห้ามออกจากบ้านบางช่วงเวลาเท่านั้น
ทั้งนี้ตามสถานการณ์การระบาดที่เกิดขึ้น ยังคงต้องรอการแถลงจากรัฐบาลว่ามาตรการที่จะถูกยกระดับขึ้นจะถึงขั้นประกาศเคอร์ฟิวในประเทศไทยหรือเปล่า แต่ก็ควรอย่าวิตกกังวล ตีตนไปก่อนไข้ รอการยืนยันอย่างเป็นทางการและเตรียมความพร้อมต่อประกาศนั้นจะดีกว่า

 

ข้อมูลไฟล์ที่เกี่ยวข้อง
ไม่มีข้อมูล!!
ข้อมูลรูปที่เกี่ยวข้อง