คำถาม ข้อสงสัย สิ่งที่ค้างคาใจมากมาย ในโควิด-๑๙

 ประเภท : ข่าวประชาสัมพันธ์

คำถาม ข้อสงสัย สิ่งที่ค้างคาใจมากมาย ในโควิด-๑๙

►ทำไมไม่ตรวจฟรี

► ตั้งงบประมาณขึ้นมาสิ

ค่อยๆ มาลองอ่านและทำความเข้าใจกันนะคะ

๑) สิ่งที่ต้องเป็นห่วงไม่ใช่เรื่องเงิน แต่ประเด็นคือ ใครจะเป็นคนตรวจ ต้องใช้บุคลากรเท่่าไหร่รองรับความแตกตื่นของผู้คนที่จะแห่มาตรวจโดยไม่รู้ว่า ตรวจในเวลาที่โรคยังไม่สำแดงตัวก็สูญเปล่า
 

๒) บางคนเพิ่งกลับมาจากแหล่งระบาดโรค ตรวจวันนี้ ไม่มีเชื้อ อีก ๕ วัน มีไข้ มาตรวจใหม่ เชื้อเพิ่งแสดง บางคนไปเจอเอาวันที่ ๑๔ โน่น

๓) เขาจึงใช้วิธี "โฟกัส" ไปที่กลุ่มเสี่ยง คือกลุ่มที่มาจากแหล่งระบาด หรือมีประวัติว่ามีความเสี่ยงที่จะสัมผัสกับผู้ติดเชื้อ

๔) โดยเริ่มจากให้ "กักตัวเอง ๑๔ วัน" ถ้ามีอาการต้องสงสัย จึงจะตรวจและตรวจฟรีไงคะ

๕) การติดเชื้อกับการป่วย ไม่ได้มาคู่กันเสมอไป บางคนติดเชื้อแต่ไม่ป่วยค่ะ ไม่ต้องรับการรักษาใดๆ เลย ในระหว่างกักตัวร่างกายกำจัดเชื้อได้เอง

๖) ทั้งหมดที่ว่ามา คือ ผู้เข้าข่ายต้องได้รับการตรวจนี้ ตรวจฟรีค่ะ

เรามาช่วยกันทำให้ประชาชนเข้าใจเรื่องนี้กันเสียทีเถิดค่ะ ว่าการตรวจไม่ได้บอกว่าท่านจะป่วยหรือไม่ป่วย ทั่วโลกยังไม่มีเครื่องมือที่จะตรวจได้อย่างแม่นยำขนาดนั้น เพราะมันเป็นโรคอุบัติใหม่ เป็นโรคที่เพิ่งเกิด องค์ความรู้ของมนุษย์ เครื่องมือ ยา และวัคซีน ยังอยู่ระหว่างศึกษาวิจัยทั้งสิ้น และเป็นทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดทั้งสิ้น จึงต้องใช้อย่างระมัดระวัง อีกประการคือ ถ้าตรวจแล้วไม่พบ คนก็จะชะล่าใจ ประมาท ว่าฉันตรวจมาแล้ว ฉันไม่ป่วย ซึ่งก็จะสร้างปัญหาตามมาอีก

ดีที่สุดคือ เบื้องต้น ทุกคนตั้งสติ หาความรู้เกี่ยวกับการติดต่อ ว่าติดต่อกันอย่างไร

ในระยะนี้ เพื่อความสบายใจ

► สวมหน้ากากป้องกันละอองฝอยที่จะได้รับทางระบบทางเดินหายใจ ซึ่งใช้ "หน้ากากผ้า" ได้ แต่คนไม่สวมก็ไม่ใช่ฆาตกรนะ เพราะบางคนเขาแพ้ผ้า แพ้เส้นใย การสวมหากทั้งวันเดี๋ยวเอามือไปจับ ไปขยับ ไปเขี่ย ไปดึง โดยที่มือนั้นไม่สะอาด ก็มีค่าเท่ากับเอาผ้าเช็ดมือไปโปะจมูก ดังนั้น หลังสวมหน้ากากแล้ว แน่ใจทุกครั้งว่ามือสะอาดแล้ว ล้างแล้ว จึงค่อยจับ ค่อยขยับหน้ากาก ถอดออกชั่วคราวก็อย่าเที่ยววางส่งเดช แล้วเอากลับมาสวมใหม่ บางทีหน้ากากก็ทำให้คนประมาทได้ เอามือมาจับใบหน้า ยิ่งกว่าเวลาไม่สวมเสียอีก

► ถัดมาให้พยายามเว้นระยะห่างจากคนอื่นๆ อย่างน้อย ๑ เมตร (หากทำได้) เลี่ยงการไปอยู่รวมกันคนหมู่มากในระบบปิด คือ อากาศไม่ถ่ายเท ใช้อากาศในห้องหรือที่นั้นๆ ร่วมกันกับคนจำนวนมาก
► หมั่นล้างมือบ่อยๆ ล้างด้วยสบู่ก็ได้ ผิวไม่แห้ง มือไม่ลอกด้วย โดยล้างให้ทั่วหน้ามือ หลังมือ ซอกนิ้ว ปลายนิ้ว และข้อมือ ล้างอย่างน้อย ๒๐ วินาที ไม่ต้องวิตกกังวลว่าฉันหาซื้อเจลแอลกอฮอล์ไม่ได้เลย      ฉันแย่แน่ๆ

► มีแก้วน้ำของตัวเอง ไม่ใช้ร่วมกับผู้อื่น หมั่นล้างทำความสะอาด เช่นเดียวกับ "ช้อนกลางส่วนตัว" หรือ "ตะเกียบส่วนตัว" รับประทานแบบแยกโต๊ะ แยกจานได้เลย จะยิ่งดี สำรับใคร สำรับมัน

► กินอาหารอุ่นร้อน อาหารเสริม สมุนไพร จำพวก ขิง ข่า ตะไคร้ หากอยู่ในอาหาร กินเข้าไปเถอะ        แต่หากแยกกินเป็นการเฉพาะ โดยเฉพาะ ฟ้าทะลายโจร ที่กำลังนิยมกันนั้น ต้องรู้ว่ามัน "มีผลข้างเคียง" ต่อตับและร่างกาย หากได้รับแบบ "ผิดธรรมชาติ" คือ กินเยอะไป อ่านคำแนะนำเรื่องการรับประทาน    ให้ครบถ้วน แล้วปฏิบัติตามให้ถูกต้อง อาหารเป็นแค่ "มาตรการเสริม" ไม่ใช่ "มาตรการหลัก"

► กลับจากนอกบ้าน เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะเข้าไปอุ้มลูก กอดแม่ หรือสัมผัสเนื้อตัวกับสมาชิกในบ้าน เปลี่ยนเสื้อผ้าเสียก่อน เพราะไม่รู้ว่าทั้งวันไปถูไถตรงไหนมาบ้าง ให้ดีกว่านั้นคืออาบน้ำด้วย แยกเสื้อผ้า  ชุดนั้นออกจากเสื้อผ้าของคนอื่นๆ ซักได้ทันทียิ่งดีใหญ่

► หากสามารถอยู่กับบ้านได้ บ้านก็จะเป็นที่ที่เราดูแลความสะอาดและความปลอดภัยได้มากที่สุด หลีกเลี่ยงการจัดหรือเข้าร่วมกิจกรรมที่มีคนมากกว่า ๕๐ คนขึ้นไปมาอยู่รวมกัน

► อยู่ในหมู่บ้านหรือชุมชน ที่ไม่ได้มีใครเดินทางไปไหน และไม่มีคนนอกเดินทางเข้ามา ระหว่างนี้ยังพอสบายใจได้ เพราะไวรัสเดินทางเองไม่ได้ มันต้องมีพาหะ การระบาดในแต่ละที่จึงไม่ได้เกิดในเวลาเดียวกัน อ่านข่าวว่ากรุงเทพฯ มีคนติด เพราะไปผับ ไปดูมวย สงขลามีคนกลับจากมาเลเซีย ตัวอยู่ลำพูน อยู่อุดร อยู่กาฬสินธุ์ ไม่จำเป็นต้องตกใจไปกับเขา
.
► อยู่อย่างมีสติ รู้ว่าเรากำลังอยู่ที่ไหน พฤติกรรมประจำวันเป็นอย่างไร ปลอดภัยหรือเสี่ยง จดบันทึกได้ยิ่งดีว่าวันนี้ไปไหนมาบ้าง เจอใครบ้าง จะช่วยให้เราทบทวนได้ว่า วันนี้เรามีโอกาสสัมผัสอะไรใคร         อีกประการคือ หากเราติดเชื้อขึ้นมา การให้ความร่วมมือในการสอบสวนโรค ก็จะสมบูรณ์แบบมาก
.
► ติดตามข่าวสารจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ที่เป็นทางการ แยกให้ออกระหว่างข้อเท็จจริงกับ "ความคิดเห็น" การแถลง หรือเรื่องเล่าที่ไร้ที่มา และใส่ใจกับข้อมูลที่มีแหล่งที่มาให้มาก เขี่ยขยะข้อมูลออกจากชีวิตบ้าง เพราะมันอันตรายยิ่งกว่า "เชื้อไวรัส" มันกัดกินสมองและความมีสติของเราอยู่เสมอ จนอาจเป็นบ้าก่อนป่วยด้วยโรคโควิด ๑๙
.
► โควิด ๑๙ ป่วยแล้ว รักษาได้ คนรอดมีมากกว่าคนตาย ถ้าทุกคนมีวินัยในการใช้ชีวิตประจำวันช่วงนี้ และมีสติก่อนตื่นตระหนก

อย่าเริ่มต้นจากการโทษผู้อื่น ให้เริ่มต้นจากความรับผิดชอบที่ตัวเราก่อน เปลี่ยนวิธีคิดจาก "กูติดยังวะ" มาเป็น "กูมีสิทธิติดได้เสมอ" ดังนั้น ป้องกันตัวเอง ป้องกันคนอื่น
.
►► รับผิดชอบเรา = รับผิดชอบส่วนรวม ด้วยความปรารถนาดี เท่าทีความรู้พึงจะมี คงบอกกล่าวกันได้ประมาณนี้ ดูแลตัวเอง ดูแลซึ่งกันและกันค่ะ

 

ข้อมูลไฟล์ที่เกี่ยวข้อง
ไม่มีข้อมูล!!
ข้อมูลรูปที่เกี่ยวข้อง